ขอโทษประเทศไทย

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุนทรภู่

วันรำลึกสุนทรภู่ (26-27 มิถุนายน 2546)
คลิก<ประวัติสุนทรภู่ที่น่าสนใจ ><บทกวีอันไพเราะบางตอนที่คัดมาเฉพาะ>

ภาพบรรยากาศในงานวันรำลึกสุนทรภู่ กวีเอกของไทย กวีเอกของโลก จัดขึ้นภายในวัดเทพธิดาราม ใกล้กับสำนักงานกรุงเทพมหานครที่เสาชิงช้า งานได้จัดในวันที่ 26 - 27 มิย. 2546 ตรงกับคล้ายวันเกิดของสุนทรภู่ ซึ่งเกิดวันที่ 26 มิถุนายน 2329 มาจนถึงปี 2546 นี้ ครบรอบ 217 ปีพอดี
วัดเทพธิดาราม เคยเป็นวัดที่สุนทรภู่มาจำพรรษาเมื่อปี 2383 ขณะนั้นอายุได้ราว 54 ปี อยู่ที่วัดนี้ได้ 3 พรรษา ก็ลาสิกขาบท ด้วยเหตุผลเพื่อเตรียมตัวตาย โดยมีสาเหตุมาจากฝันร้าย ว่าชะตาขาดจนถึงแก่ชีวิตจึงได้แต่งนิราศรำพันพิลาป ซึ่งบทกวีที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวชีวิตของสุนทรภู่
ภายในวัดเทพธิดารามมีกุฏิของสุนทรภู่ และยังได้เก็บเครื่องอัฐบริขารต่างๆ เมื่อครั้งสมัยที่ยังอยู่ในสมณเพศปัจจุบันได้รักษาไว้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมาเยี่ยมชมและศึกษาค้นคว้า และในช่วงที่จัดงานรำลึกนี้ มีเด็กนักเรียนมาเข้าชมเป็นหมู่คณะเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศภายในเขตอาศรมของวัด เจี้ยวจ้าวไปด้วยเสียงเด็กๆที่วิ่งเล่นกันรอบวัด
วันที่มาถ่ายภาพงานรำลึกฯนี้ เป็นช่วงเวลาเย็น ท้องฟ้าเริ่มครึ้มฝนจนไม่ชักแน่ใจว่าจะฝนจะตกกลางงานหรือไม่ เพราะเมื่อวานก็ตกหนักกันทั่วกรุงจนงานล่มมาแล้ว ลานสนามหญ้าบางส่วนก็ยังเฉอะแฉะไปด้วยน้ำ
ในมุมหนึ่งของพื้นที่จัดงาน ได้จำลองเป็นลานวัดสมัยโบราณ มีการออกร้านต่างๆที่เป็นบรรยากาศแบบไทยๆวันนั้นมีผู้สนใจเข้ามาในงานค่อนข้างบางตา ทั้งๆที่มีการออกข่าวทีวี ลงหนังสือพิมพ์ และมีรายการพูดคุยเรื่องนี้ทางคลื่นวิทยุ
ที่ริมกำแพงข้างวัดได้จัดเวทีการแสดงของนักเรียน ในขณะนั้นนักแสดงตัวน้อยๆ กำลังแตรียมตัวขึ้นเวทีแต่ละโรงเรียนกำลังแต่งหน้าแต่งตาและซักซ้อมก่อนการแสดง
เมื่อแสดงไปได้ไม่กี่ชุด ท้องฟ้าก็เริ่มมืดดำ และมีลมพัดรุนแรง
ไม่นานฝนก็ลงเม็ด จนผู้ชมที่นั่งเก้าอี้กลางสนามเริ่มกางร่ม และส่วนใหญ่ก็หลบฝนไปยืนดูอยู่ด้านอื่นแต่การแสดงบนเวทีก็ยังดำเนินต่อไปจนครบทุกชุด โดยที่ผู้แสดงทุกคนไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใดยังแสดงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นท่ามกลางรอยยิ้มและใบหน้าที่เปียกฝน ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชม ที่ยังหลงเหลือ
ประวัติสุนทรภู่โดยสังเขปบทกวีอันไพเราะที่คัดมาให้ดูบางตอน
การถ่ายภาพ วันนั้นเตรียมฟิล์ม สไลด์ Kodak E 100VS และ Kodak Extrachrome 400 ซึ่งกะว่าช่วงเย็นๆฟิล์มไวแสง 100 น่าจะถ่ายได้แม้บรรยากาศช่วงเวลานั้นจะมีฝนตกทุกวัน อาจถ่ายยากหน่อยแต่คิดว่าเพื่อแลกกับเกรนของภาพที่ละเอียดและสีอิ่มตัวกว่า จึงไม่มีการ push film ไปที่ 200 หรือเลือกใช้ฟิล์ม 400แต่อย่างใด ซึ่งผลที่ออกมาก็ได้ภาพตามที่คาด
ช่วงตอนเย็นๆประมาณห้าโมงเย็น ก่อนการแสดงเริ่มขึ้น ได้ไช้ฟิล์มสไลด์ Kodak E 100VS กับกล้องNikon F 90 ถ่ายในสภาพที่มีแสงแดดอ่อนๆ ซึ่งยังพอถ่ายได้ และใช้แฟลชเสริมเป็นบางภาพในมุมที่แสงไม่พอ ความเร็วที่ใช้จะอยู่ระดับ 1/60 และ 1/30 ซึ่งต้องถือกล้องให้นิ่งๆ ภาพส่วนใหญ่ใช้เลนส์ Nikon 28 - 70 จะใช้เลนส์ 75-300 กรณีที่ต้องการเก็บภาพที่อยู่ไกล และต้องการได้ภาพ candid
การวัดแสง วัดแบบเฉลี่ยหนักกลาง และปรับกล้องให้ under 1/3 stop เพื่อให้สีอิ่มตัวเพิ่มขึ้น
มุมถ่ายภาพ ส่วนใหญ่จะเกาะติดกลุ่มนักเรียนที่กำลังเตรียมเนื้อเตรียมตัวเพื่อขึ้นเวที เป็นภาพเบื้องหลังของการแสดงถ่ายภาพโดยเด็กนักเรียนรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ปล่อยให้เป็นธรรมชาติของพวกเค้า เด็กบางคนก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงดี เพราะมีกล้องเล็งอยู่ข้างหน้า บางทีก็ทำหน้าเจื่อนๆ จะยิ้มก็ไม่กล้า คงสงสัยว่าใครก็ไม่รู้ กำลังถ่ายภาพพวกเรา
ถ่ายภาพบริเวณนั้นอยู่นาน จนเด็กๆไม่ค่อยให้ความสนใจนัก แม้จะจ่อกล้องอยู่ใกล้ๆ ทั้งนี้เป็นเพราะมีคนพลุกพล่าน และส่วนใหญ่ก็สนใจหน้าตาตนเองมากกว่าจะสนใจว่าใครกำลังจ้องถ่ายภาพ ทำให้ภาพที่เห็นในบรรยากาศข้างเวทีเป็นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ
ส่วนภาพบนเวที ใช้ฟิล์มสไลด์ Extrachrome 400 ใช้แฟลชบ้าง ไม่ใช้บ้างสลับกันไป ในวันนั้นท้องฟ้าครึ้มฝน ช่วยทำให้เกิดการคอนทราสต์ของสีสันบนเวทีและฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสีน้ำเงินปนเทา เป็นภาพที่ออกจะดูแปลก และหาดูได้ไม่ง่ายนัก
ความตั้งใจที่มาถ่ายภาพครั้งนี้ มาจากได้เห็นข่าวจากทีวี ถ่ายภาพในกุฏิสุนทรภู่ เห็นเครื่องใช้ไม้สอยและที่ลานหญ้าหน้าวัดก็มีบรรยากาศย้อนยุค ซึ่งเป็นภาพที่น่าสนใจ โดยเฉพาะวัดเทพธิดารามก็พึ่งได้ยินเป็นครั้งแรก เป็นวัดที่สุนทรภู่เคยมาจำพรรษา แต่เมื่อมาถ่ายภาพแล้วกลับไม่ได้ภาพตามที่ตั้งใจ กุฏิสุนทรภู่ก็เห็นแต่ป้ายชี้บอกทาง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปดูเพราะเป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว อากาศก็ขมุกขมัว ถ่ายไปก็คงยุงยากลำบากในเรื่องการจัดแสง จึงเปลี่ยนใจมาเดินดูบริเวณอื่นของวัด
ที่ลานหญ้าหน้าวัด ก็มีมุมขายของแบบไทยๆอยู่ไม่กี่ร้าน มีคนสนใจเข้ามาชมน้อยมาก แต่ก็ยังมีจุดที่น่าสนใจในขณะนั้น ก็คือการแสดงชุดไทยๆของเด็กนักเรียนในเขต กทม. ซึ่งจะแสดงเวลาหกโมงเย็น จึงได้เดินหาภาพในกลุ่มนักแสดงที่กำลังเตรียมตัว
และนี่ก็คือที่มาของภาพชุดนี้
สวัสดีครับwebmaster

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น